การวางแผนครอบครัว

การวางแผนครอบครัว คือ การที่สามีภรรยาวางแผนล่วงหน้าว่าจะมีลูกเมื่อใด มีกี่คน บุตรแต่ละคนห่างกันกี่ปี โดย


วิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราว  : ใช้สำหรับต้องการเว้นระยะห่างของลูก
วิธีคุมกำเนิดแบบถาวร   
: โดยทำหมันเมื่อมีลูกพอแล้ว 

       
การวางแผนครอบครัว เป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องคิดและตกลงร่วมกันกับสามีหรือภรรยา
หากไม่วางแผนเมื่อมีลูกแล้วเราอาจจะไม่ได้ดูแลเขาอย่างเต็มที่ ชีวิตครอบครัวจะมีปัญหา

หากวางแผนครอบครัวไม่ดี เช่น เราอาจจะมีลูกมากเกินไปทำให้ดูแลได้ไม่เต็มที่



ควรจะมีลูกเมื่อไร?

  1. มีความพร้อมด้านจิตใจ คู่สมรสที่ต้องการมีลูกเท่านั้นจึงควรจะมีลูกได้ คู่สมรสจะต้องเตรียมใจและเต็มใจที่จะได้ชื่นชมลูกที่เกิดมา
  2. สามีภรรยาที่มีการปรับตัวในชีวิตสมรสดีเท่านั้นที่ควรจะมีลูก 
  3. เมื่อสุขภาพร่างกายของมารดาแข็งแรงดี จะเป็นผลทำให้ลูกที่เกิดมา มีสุขภาพกาย และ สุขภาพจิตดี 
  4. เมื่อมีความพร้อมด้านเศรษฐกิจ การมีลูกจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวมาก 
  5. เมื่อมีเวลาที่จะดูแลลูก การที่ลูกจะเติบโตเป็นเด็กที่มีคุณภาพขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ ให้ความรัก ความอบอุ่น กับลูกของบิดามารดา 
ความสำคัญของการวางแผนครอบครัว 


  1. ช่วยให้คู่สมรสที่เพิ่งแต่งงาน ได้มีโอกาสปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันก่อนมีลูก
  2. ครอบครัวมีความเป็นอยู่ดี ลูกมีโอกาสได้รับการศึกษาที่สูง 
  3. คู่สมรสสามารถเว้นระยะการมีลูกหรือจำกัดขนาดของครอบครัวได้ 
  4. คู่สมรสมีโอกาสสร้างฐานะการเงินให้มั่นคงได้ 
  5. สุขภาพของผู้เป็นมารดาไม่ทรุดโทรม สามารถดูแลครอบครัวได้เต็มที่

วิธีการวางแผนครอบครัว

การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว

เพศหญิง

1.ยาเม็ดคุมกำเนิด
เป็นที่นิยมกันมากเนื่องจากหาซื้อได้ง่ายไม่จำเป็นต้องพบแพทย์
ในยาคุมกำเนิดส่วนใหญ่ประกอบด้วยฮอร์โมนสองชนิดคือเอสโตรเจนและโปรเจสโตรเจน
คุณสมบัติ มีส่วนช่วยยับยั้งการตกไข่ ทำให้ไข่ไม่สุก ทำให้เยื่อบุมดลูกไม่เจริญเต็มที่จึงไม่เกิดการปฏิสนธิ ไม่มีการตั้งครรภ์
การรับประทาน เม็ดแรกรับประทานในวันที่ห้าของการเป็นประจำเดือน รับประทานยาเรียงไปตามลูกศรวันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วเริ่มแผงต่อไปได้โดยไม่ต้องหยุดยา หรือคำนึงถึงประจำเดือน ผู้ที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดส่วนใหญ่ประจำเดือนจะมาปกติทุกเดือน และมาอย่างสม่ำเสมอ


2.ยาฉีดคุมกำเนิด

ต้องอาศัยบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ฉีดยาให้ โดยฉีดภายใน 5 วันแรกของการเป็นประจำเดือน(ฉีดเข้ากล้าม)  
คุณสมบัติ เช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดคือยับยั้งการตกไข่ ทำให้ไข่ไม่สุก


ยาฉีดคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีลูกแล้ว หรืออยู่ในระยะหลังคลอด และเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือผู้ที่ไม่สามารถรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดได้ โดยยาฉีดคุมกำเนิดแต่ละเข็ม จะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้นาน 1 หรือ 3 เดือน
 
   3.ยาฝังคุมกำเนิด (แคปซูลฝังคุมกำเนิด)
เป็นลักษณะแคปซูลหลอดยาขนาดเล็ก  ๆ  6 ชิ้น เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฝังไว้ใต้ผิวหนัง (ฝังบริเวณต้นแขนด้านใน เหนือข้อศอก โดยจะฉีดยาชาก่อนฝังยา) การฝังแคปซูลจะเรียงแคปซูลทั้ง 6 ชิ้นเป็นรูปพัด ฝังแล้ว 24 ชั่วโมงยาจึงจะออกฤทธิ์ ตัวยาจะซึมเข้าสู่กระแสโลหิตอย่างสม่ำเสมอ  เข้าไปควบคุมระบบการเป็นประจำเดือน
ฝังยา 1 ครั้งสามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 5 ปี
ตำแหน่งในการฝังยาคุมกำเนิดคือ ต้นแขนซ้ายด้านใน
(หรือแขนขวาสำหรับคนถนัดซ้าย) ก่อนฝังยาจะฉีดยาชาบริเวณที่ฝัง
ยาคุมกำเนิดเพื่อไม่ให้ปวด ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แผลมีขนาดเล็กมาก ไม่ต้องเย็บแผล
4.ห่วงอนามัย
ห่วงอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดชั่วคราว ที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ ได้นาน3-5ปี
ห่วงอนามัยทำหน้าที่ขัดขวางการปฏิสนธิของไข่กับตัวอสุจิหรือหากขัดขวางการปฏิสนธิไม่เป็นผลจะขัดขวางการฝังตัวที่เยื่อบุมดลูก






5.ยาเม็ดฟองฟู่หรือยาสอดคุมกำเนิด
ยาเม็ดฟองฟู่หรือยาสอดคุมกำเนิดมีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายโดนัท ขนาดเท่าเหรียญบาท
คุณสมบัติ  ยาเม็ดฟองฟู่หรือยาสอดคุมกำเนิดมีฤทธิ์เป็นตัวทำลายเชื้ออสุจิของฝ่ายชายทำให้เชื้อ  อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิงไม่ได้ การตั้งครรภ์จึงไม่เกิดขึ้น โดยจะใส่ไว้ในช่องคลอด 3
5 นาทีตัวยาจึงจะออกฤทธิ์ สามารถคุมกำเนิด
ได้นาน 1 ชั่วโมง


6.ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉิน ออกฤทธิ์ยับยั้งการสุกของไข่  ทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ ซึ่งหลายคนคิดว่า เป็นยาวิเศษ มีเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่ ก็กินยานี้เข้าไป จะป้องกันได้ 100% แต่ผิดถนัด เพราะยานี้ได้ผลในการคุมกำเนิด น้อยกว่ายาคุมแบบกินทุกวันเสียอีก และมีผลข้างเคียงรุนแรง ถ้าหากกินเรื่อยๆ บ่อยๆ ก็จะทำให้การทำงานของร่างกาย ผิดปกติไป ยาหนึ่งชุดจะมี 2 เม็ด
วิธีใช้ยา    เม็ดแรกทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ เม็ดที่ 2 รับประทานภายใน12 ชั่วโมงหลังจากทานเม็ดแรก


7.การนับระยะปลอดภัย
การนับระยะปลอดภัย หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไข่ยังไม่สุกก็จะไม่มีการตั้งครรภ์  วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอบประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ และจะต้องรู้วันที่มีไข่สุกแน่นอน ซึ่งควรบันทึกการมีประจำเดือนในรอบ 1 ปีไว้ก่อน เพื่อหาค่าเฉลี่ยของวันไข่สุก จะได้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ไข่สุก ซึ่งเป็นช่วงที่ตั้งครรภ์ได้ หรือจะใช้วิธีนับ 7 วันก่อนหรือหลังของรอบประจำเดือน ซึ่งเป็นระยะปลอดภัย ที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยไม่ตั้งครรภ์ แต่ วิธีนี้มีโอกาสที่จะผิดพลาด และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์สูงมาก

 

เพศชาย
1.ถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยใช้สวมอวัยวะเพศชายเพื่อคุมกำเนิด เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวอสุจิผสมกับไข่ในเพศชาย ซึ่งเป็นที่นิยม สะดวก และถุงยางอนามัยก็สามารถหาซื้อได้ง่าย 
ข้อดีคือ นอกจากจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน ได้อีกด้วย
ข้อเสียของวิธีนี้คือ หากสวมใส่ได้ไม่ถูกวิธี หรือใช้ถุงยางที่เสื่อมสภาพก็อาจจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
ในการเลือกซื้อจะต้องดูวัน/เดือน/ปีที่หมดอายุด้วย


   2.การหลั่งน้ำอสุจินอกช่องคลอด 


การคุมกำเนิดแบบถาวร
1.การทำหมันชาย 
เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูกพอแล้ว สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย ใช้เวลาเพียง15
20 นาทีเท่านั้น แพทย์จะฉีดสเปรย์ชาแล้วเจาะนำเอาท่อทางเดินอสุจิออกมาตัดให้ขาดแล้วผูกปลายทั้งสองข้างให้ปิดสนิท ทำให้ตัวอสุจิผ่านออกมาไม่ได้ หลังจากทำหมันแล้วจะมีการหลั่งน้ำอสุจิตามปกติแต่จะไม่มีตัวอสุจิปนออกมาดังนั้น ในระยะ 3 เดือน หลังทำหมัน ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ ให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย จึงจะป้องกันการตั้งครรภ์ อย่างได้ผล หรือจะให้แน่ใจ ควรพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจน้ำเชื้อว่า ไม่มีตัวอสุจิแล้ว


   2.การทำหมันหญิง
เป็นการคุมกำเนิดชนิดถาวร โดยการผูกหรือตัดที่ท่อนำไข่ทำให้ท่อตัน ไข่และตัวอสุจิไม่สามารถมาพบและผสมกันได้ การทำหมันหญิง สามารถทำได้
2 ช่วง คือ
   1.ช่วงหลังคลอดใหม่ๆ หรือภายใน
48 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่า หมันเปียก เป็นการทำหมันทางหน้าท้อง โดยผ่าลงไปในช่องท้องตรงใต้สะดือ
   2.ช่วงเวลาปกติ คือจะทำหมันในระยะใดก็ได้ เรียกว่า หมันแห้ง มักจะผ่าลงไปในช่องท้องเหนือหัวเหน่าหลังจากทำหมันหญิงแล้ว จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที และประจำเดือนจะมาตามปกติ มีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิมทุกประการ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น